Data Driven Decision Making เกี่ยวกับการเลือกสถานที่เที่ยวช่วงสงกรานต์ได้อย่างไรกัน?
เพราะพอถึงเดือนเมษายนแล้ว สิ่งที่คนไทยเริ่มวางแผนกัน (หรืออาจวางแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว) คือการเตรียมพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งในปี 2566 นี้ทุกคนได้หยุดยาวติดกันถึง 5 วัน ตั้งแต่ 13-17 เมษายน นั่นแปลว่าคนไทยจะหลั่งไหลกันไปเที่ยวตามแต่ละจังหวัดในประเทศหรือต่างประเทศกันจำนวนมากแน่ ๆ
หากใครยังไม่มีแผนในใจ RealSmart จึงอยากเชิญทุกท่านสวมบทบาทนักวิเคราะห์ แล้วใช้หลักการตัดสินใจด้วยข้อมูล หรือ Data Driven Decision Making เพื่อเลือกสถานที่เที่ยวในประเทศยอดนิยม ห้ามพลาด ทุกคนต้องเช็คอิน หรือเลือกสถานที่เที่ยวลับที่ยังไม่เป็นกระแส พักผ่อนสบาย ๆ ไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คน เราจะทำได้อย่างไรบ้าง? ไปดูกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
Data Driven Decision Making คืออะไร?
จะตัดสินใจเลือกสถานที่เที่ยวช่วงสงกรานต์ด้วยข้อมูลอะไร?
หาสถานที่เที่ยวยอดนิยมในประเทศช่วงสงกรานต์ปี 2023 ด้วย Google Trends
หาสถานที่เที่ยวลับในประเทศ ที่คนไม่พลุกพล่าน ด้วยข้อมูล Mobility Data
สรุปการใช้ข้อมูลสถานที่เที่ยวช่วงสงกรานต์ที่ได้
Data Driven Decision Making คืออะไร?
จากบทความก่อนหน้า เราได้รู้แล้วว่า Data Driven คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร? และสร้างอย่างไรให้เหมาะกับแต่ละองค์กร ซึ่งอาจเป็นมุมมองที่ดูไกลตัว แต่จริง ๆ แล้ว Data Driven ยังสามารถนำเอามาใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับคนทั่วไปได้เช่นกันในรูปแบบที่เรียกว่า การตัดสินใจด้วยข้อมูล หรือ Data Driven Decision Making ซึ่งคือ การใช้ข้อเท็จจริง (Facts) การวัดผล (Metrics) และข้อมูล (Data) มาเป็นแนวทางในการตัดสินใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรู้สึก หรือ Gut Feelings ที่อาจมีความไม่แน่นอนหรือมีอคติส่วนตัวมาเกี่ยวข้องมากเกินไป และได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ มีประสิทธิภาพขึ้น
จะตัดสินใจเลือกสถานที่เที่ยวช่วงสงกรานต์ด้วยข้อมูลอะไร?
หากจะตัดความชอบส่วนตัวหรือความรู้สึกออกไป แล้วใช้การตัดสินใจด้วยข้อมูลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่ ๆ เราต้องมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือก่อน ซึ่งการจะได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับสถานที่เที่ยวช่วงสงกรานต์นั้น ควรเลือกจากบริการที่มีการเก็บข้อมูลจากคนจำนวนมาก เป็นเครื่องมือหรือแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับ และมีวิธีการเก็บข้อมูลที่เป็นแบบแผน ถูกหลักการ PDPA
ตัวเลือกแรกที่จะใช้คือ Google Trend ที่เก็บข้อมูลการค้นหาของผู้ใช้งานออนไลน์ในอดีต ซึ่งเราจะนำมาหาเทรนด์ความนิยมการค้นหาสถานที่เที่ยวติดอันดับในปีนี้ และในตัวเลือกถัดมาที่เลือกใช้คือ ข้อมูล Mobility Data ที่รวบรวมการเคลื่อนที่ของประชากรจากโทรศัพท์มือถือและเปิดให้ใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อดูพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวทั้งเข้าและออก การกระจุกตัว ในแต่ละพื้นที่และช่วงเวลา ซึ่งเราจะนำมาหาสถานที่ท่องเที่ยวช่วงหยุดยาวที่คนไม่หนาแน่นแต่มีศักยภาพน่าสนใจ (โดยข้อมูล Mobility Data นี้ถูกเก็บในช่วงมิถุนายน 2563 – ตุลาคม 2564)
หาสถานที่เที่ยวยอดนิยมในประเทศช่วงสงกรานต์ปี 2023 ด้วย Google Trends
การหาความนิยมผ่าน Google Trend สามารถทำได้โดยการเลือกคำค้นหาที่มีจุดประสงค์ในการวางแผนการเที่ยวช่วงสงกรานต์โดยเฉพาะ เช่น หาโรงแรม, ที่พัก, ที่เที่ยว, คาเฟ่ ซึ่งผู้ค้นหาจะต่อคำค้นหาเหล่านี้ตามสถานที่ ๆ ตัวเองสนใจ เช่น โรงแรมพัทยา, คาเฟ่เชียงใหม่ เป็นต้น
นอกจากนี้เรายังเลือกกรองข้อมูลให้มีความแม่นยำขึ้น โดยการเลือกข้อมูลค้นหาเฉพาะประเทศไทย อยู่ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเกี่ยวกับหมวดหมู่ของการเดินทาง เพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ได้ จะเกี่ยวกับการหาสถานที่ท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์นี้จริง ๆ
เมื่อใส่คำค้นหาที่ต้องการทั้งหมด ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นจะเป็นปริมาณการค้นหาของคำในช่วงเวลาต่าง ๆ ซึ่งหากเลื่อนลงมาจะมีการสรุปคำค้นหาที่เกี่ยวข้องของแต่ละคำ โดยสามารถเลือกดูระหว่าง มาแรง หรือ ยอดนิยม ได้
ซึ่งในที่นี้ให้เลือกกลุ่มยอดนิยม เพื่อดูคำที่เกี่ยวข้องที่มีการค้นหามากสุดในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งมีผลลัพธ์ดังภาพ
เราจะเห็น Insight เบื้องต้นได้ว่า สถานที่เที่ยวช่วงสงกรานต์ยอดนิยมในปีนี้คือที่ ๆ ติดทะเล เช่น เกาะและหาดในพัทยา, หัวหิน, จังหวัดระยอง รองลงมามีการค้นหาโรงแรมจังหวัดเชียงใหม่, คาเฟ่ในเขาใหญ่ที่สูงอีกกลุ่มหนึ่ง และการเที่ยวในกรุงเทพ ฯ เองก็ได้รับความนิยมอยู่เช่นกัน
ซึ่งเมื่อได้ Insight เบื้องต้นแล้ว เรายังสามารถใช้วิธีเดิม ด้วยการนำชื่อจังหวัด หรือสถานที่ไปค้นหาอีกครั้ง เพื่อให้เห็นชื่อโรงแรม ร้านยอดนิยมต่อไปได้อีก
หาสถานที่เที่ยวลับในประเทศ ที่คนไม่พลุกพล่าน ด้วยข้อมูล Mobility Data
ข้อมูล Mobility Data นั้นประกอบด้วยข้อมูลการเดินทางเข้า-ออก การกระจุกตัวตามช่วงเวลา การกระจุกตัวตามประเภทวันหยุด และคลัสเตอร์การท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการหาที่เที่ยวลับในประเทศได้ดังนี้
เราจะใช้ข้อมูลการกระจุกตัวตามประเภทวันหยุดในหัวข้อวันหยุดเทศกาล เพื่อวิเคราะห์ดูความหนาแน่นของการท่องเที่ยวแบบค้างคืน โดยเลือกจังหวัดที่มีขนาดวงกลมเล็ก ซึ่งแสดงถึงคนไม่หนาแน่นมากในช่วงวันหยุดยาว
โดยข้อมูลอีกด้านนึงที่ต้องนำมาช่วยในการตัดสินใจด้วยคือ สรุป 21 เมืองรองที่มีศักยภาพในการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบค้างคืนเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ที่แสดงอันดับปริมาณการท่องเที่ยวแบบค้างคืนที่เมืองรองโดยไม่รวมเมืองหลักที่คนนิยมเที่ยวกัน โดยเราจะเลือกเฉพาะเมืองรองที่มีศักยภาพ มากที่สุด และ มาก ตามภาพด้านล่าง
เมื่อนำข้อมูลทั้ง 2 อย่างมารวมกัน เราสามารถสรุป Insight เบื้องต้นถึงสถานที่เที่ยวลับ(เมืองรอง)ที่น่าสนใจ คนไม่พลุกพล่าน อ้างอิงจากการกระจุกตัวช่วงวันหยุดน้อยไปมาก ได้แก่ สตูล ตราด ตรัง จันทบุรี น่าน เลย ชุมพร เชียงราย เป็นต้น ซึ่งสามารถเลือกนำข้อมูลนี้ไปใช้หาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจด้วยวิธีอื่น ๆ ต่อไป
สรุปการใช้ข้อมูลสถานที่เที่ยวช่วงสงกรานต์ที่ได้
หากท่านเป็นคนทั่วไปที่มาหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์แล้วได้อ่านมาถึงจุดนี้และได้ลองทำตามไปด้วย ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้วิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลในลักษณะเดียวกับที่นักการตลาดใช้ในหา Insight ทางการตลาดแล้ว!
โดยจะเห็นได้ว่าแหล่งข้อมูลทั้ง 2 นั้น สามารถสร้าง Insight ในการตัดสินใจด้วยข้อมูล หรือ Data Driven Decision Making ได้มากมายหลากหลายมุมมอง เพียงแค่เราเปลี่ยนมุมมองของการตั้งคำถาม หัวข้อ หรือช่วงเวลาของข้อมูลเท่านั้น ซึ่งตัวอย่างในบทความนี้ก็เป็นเพียงวิธีการตัดสินใจด้วยข้อมูลแบบหนึ่งที่ไม่มีถูกหรือผิด แต่สามารถช่วยต่อยอดการใช้งานต่อไปได้อีกมากมาย
ทั้งในมุมมองคนทั่วไป อาจเป็นการหาสถานที่เที่ยวต่อยอดตามจังหวัดต่อไป หรือได้ข้อมูลจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและไม่เคยรู้ซ่อนอยู่
หรือในมุมมองของนักการตลาดและนักธุรกิจ ข้อมูลนี้จะช่วยในการคิดกลยุทธ์ หรือแคมเปญต่าง ๆ เพื่อให้เข้ากับช่วงหยุดยาวสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ตามจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับบริการ ผลิตภัณฑ์ หรือแคมเปญของแบรนด์ต่อไป
