ชนะใจผู้บริโภคด้วยเครื่องมือ AI ช่วยทำการตลาดออนไลน์ 2023
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เทรนด์การใช้เครื่องมือ AI ในประเทศไทย
เครื่องมือ AI ช่วยทำการตลาดออนไลน์ด้านไหนได้บ้าง?
ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเริ่มใช้งานเครื่องมือ AI?
ตัวอย่าง 5 เครื่องมือ AI Marketing ฟรี ที่คนทั่วไปก็ใช้ได้
สรุปการใช้เครื่องมือ AI ทำการตลาดออนไลน์
เทรนด์การใช้งานปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เพื่อช่วยงานต่าง ๆ ของมนุษย์ให้ง่ายขึ้น เป็นเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ถึงขนาดที่ Dr. Lisa Su CEO ของ AMD ยังกล่าวในงาน Adobe Summit 2023 ว่า “AI คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในอีก 10 ปีข้างหน้า” สำหรับเหล่านักการตลาด สิ่งที่ต้องปรับตัวและเริ่มใช้งานในปี 2023 นี้ คือการใช้เครื่องมือ AI ในการทำการตลาด (AI Marketing) ด้วยการใช้ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์และตัดสินใจจากข้อมูลจำนวนมากแบบอัตโนมัติที่รวดเร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์ นำเสนอสิ่งที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น
เทรนด์การใช้เครื่องมือ AI ในประเทศไทย
อ้างอิงจากข้อมูล Thailand’s MarTech Report 2023 ที่สรุป Insights การใช้เทคโนโลยีทางการตลาด (MarTech) ในประเทศไทย ซึ่งเป็นภาพใหญ่ของเครื่องมือการตลาด จะเห็นว่าองค์กรในประเทศไทย มีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนเครื่องมือที่ใช้ในองค์กรจากเดิมอีก 5-6 เครื่องมือ และ 75% ของผู้ให้สัมภาษณ์คิดจะเพิ่มสัดส่วนงบประมาณสำหรับ MarTech มากขึ้นอีกในอนาคต ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้งานเครื่องมือที่สูงขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่มีการแข่งขันสูง โดยเป้าหมายการใช้งาน MarTech 4 อันดับแรก ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูล, การเก็บข้อมูล, การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด และการเพิ่มยอดขาย
เป้าหมายการใช้งานที่องค์กรในประเทศไทยต้องการเหล่านี้ ล้วนต้องมีการวิเคราะห์เพื่อสรุปข้อมูลจำนวนมากและแนะนำหรือตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการได้ทั้งสิ้น เราจึงเริ่มเห็นเครื่องมือบางตัวที่มีฟังก์ชัน AI เพิ่มเข้ามา และมี Features หลากหลายขึ้นกว่าเครื่องมือที่ยังไม่มี และ AI ยังเป็นสิ่งที่องค์กรต่างให้ความสนใจทดลองใช้งานเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นแนวโน้มของเครื่องมือ AI ในประเทศไทยที่จะกลายเป็นมาตรฐานการใช้งานขั้นพื้นฐานในแต่ละองค์กรอย่างแน่นอน
เครื่องมือ AI ช่วยทำการตลาดออนไลน์ด้านไหนได้บ้าง?
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นเพียงบางส่วนที่สามารถสรุปให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า AI สามารถช่วยเหลือการตลาดออนไลน์ด้านไหนบ้าง เพราะยังมี AI Marketing ใหม่ ๆ เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์นักการตลาดในจุดที่คาดไม่ถึงอย่างต่อเนื่อง
1. การสร้างสรรค์คอนเทนต์และสื่อการตลาด
ช่วยลดระยะเวลาในการสร้างสรรค์งาน Concept หรืองานคิดขั้นต้น เช่น Storyboard โฆษณา, โครง Presentation, การร่างบทความ, การวาง Layout Artwork งานออกแบบ, การสร้าง Mockup ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งหมดนี้เครื่องมือ AI สามารถจัดการให้ได้เพียงป้อนข้อมูลความต้องการ และจัดการปรับแต่งไม่กี่คลิก
2. การ Optimize แผนการตลาด, คอนเทนต์, SEO
ช่วยปรับปรุงและพัฒนาจากข้อมูลที่นักการตลาดมีอยู่ให้ดีขึ้น หรือเป็นไปตามหลักการที่เครื่องมือ AI นั้นเชี่ยวชาญ เช่น การ Personalize โฆษณาออนไลน์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายขึ้น, การปรับงบประมาณที่ใช้ในสื่อโฆษณาโซเชียลและ SEM ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด, การปรับบทความให้การใช้ภาษาเป็นบุคลิกที่นักการตลาดต้องการ, การปรับปรุง Keyword ที่ใช้ในเว็ปไซต์หรือบทความเพื่อการทำ SEO ให้ติดอันดับดีขึ้น
3. เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อหา Insights ทางการตลาด
ช่วยลดเวลาในการรวบรวมข้อมูลของผลิตภัณฑ์หรืออุตสาหกรรมในโลกออนไลน์ ที่ปกตินักการตลาดต้องทำด้วยตัวเอง โดยเปลี่ยนมาใช้เครื่องมือ AI เช่น Social Listening Tool, Data Tracking Tool เก็บข้อมูลที่กำหนดและจัดการข้อมูลออกมาเป็น Report หรือ Visualization Dashboard เพื่อแสดงแนวโน้มหรือ Insights ได้อย่างรวดเร็วและอัตโนมัติ
4. ลดระยะเวลาการทำงานด้วย Marketing Automation
ช่วยลดกิจกรรมซ้ำ ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำการตลาดออนไลน์ รวมถึงประสานงานในองค์กร ด้วยการให้เครื่องมือ AI เชื่อมต่อการทำงานระหว่างโปรแกรมตามเงื่อนไขที่กำหนดให้โดยอัตโนมัติ เช่น ส่งอีเมลโฆษณาไปยังลูกค้าเมื่อลูกค้าลงทะเบียนผ่านเฟสบุคโดยมีเนื้อหาแยกตามอาชีพที่เลือก, บันทึกข้อมูล leads จากหลาย ๆ สื่อลง Google Sheet และแจ้งทีมงาน เป็นต้น
5. Chatbot
Chatbot ถือเป็น Automation รูปแบบหนึ่ง แต่ต้องขอแยกออกมาเพราะเป็นบริการที่นิยมมากสำหรับร้านค้าออนไลน์ในประเทศไทย ซึ่งอาจจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว เช่น ระบบ Auto Message ตามเงื่อนไขของ Facebook หรือ LINE OA เป็นต้น ซึ่งสามารถช่วยลดภาระการตอบคำถามซ้ำ ๆ และช่วยเหลือลูกค้าได้ตลอด 24/7 นั่นเอง โดยเครื่องมือ AI ในกลุ่มนี้ จะมีความโดดเด่นเสริมจากระบบพื้นฐานของแพลตฟอร์มยิ่งขึ้น เช่น สามารถรวมทุกช่องทางการสื่อสารไว้ในที่เดียวกัน และกำหนดรูปแบบการตอบที่ฉลาดยิ่งขึ้นตามความละเอียดของคำถาม สามารถแนะนำสินค้า หรือจัดการเชื่อมต่อระบบสินค้า การชำระเงิน และแจ้งเตือนเรื่องกำหนดการต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้อย่างอัตโนมัติ
ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเริ่มใช้งานเครื่องมือ AI?
- กำหนดเป้าหมายหรือจุดประสงค์การใช้งานเครื่องมือ AI : ควรกำหนดประเภทหรือเรื่องที่ต้องการใช้งานให้ชัดเจน เพื่อให้ได้เครื่องมือเฉพาะทางที่มีประสิทธิภาพกว่า เช่น ปรับปรุงคุณภาพการเขียนบทความบนเว็ปไซต์, พัฒนาคุณภาพการกำหนดกลุ่มเป้าหมายบน Google Ads เป็นต้น
- ค้นคว้าหาเครื่องมือ AI ที่เหมาะสมกับองค์กร : ประเมินจากจำนวนทีมงานที่ใช้และงบประมาณที่มี โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ดีหรือแพงที่สุด แต่เป็นเครื่องมือที่ง่ายต่อการใช้งานของทีมงาน เข้ากับรูปแบบการทำงานหรือฐานข้อมูลที่องค์กรมีอยู่แล้ว
- ทดลองใช้งาน และฝึกฝนทีมงานให้มีความเข้าใจด้านข้อมูล : ติดต่อฝ่ายขายเพื่อนำมาทดลองใช้กับองค์กร โดยต้องให้ทีมงานเรียนรู้การใช้งานตามจุดประสงค์ทั้งหมด เข้าใจการจัดการข้อมูล ทั้งนำเข้าและนำออกไปใช้งานต่อ และที่สำคัญต้องเข้าใจว่า จะป้อนข้อมูลฝึกฝน AI ให้ฉลาดขึ้นได้อย่างไรบ้าง โดยรูปแบบหนึ่งที่นิยมในปัจจุบัน คือการเขียนข้อความอธิบายโดยละเอียด เพื่อสื่อสารกับ AI ให้สร้างผลลัพธ์ออกมา หรือที่เรียกว่าการ Prompt
ตัวอย่าง 5 เครื่องมือ AI Marketing ฟรี ที่คนทั่วไปก็ใช้ได้
หลังจากอ่านประโยชน์อันมากมายแล้ว แน่นอนว่าทาง RealSmart ต้องเตรียมตัวอย่างเครื่องมือฟรี ใช้งานง่าย ให้เหล่านักการตลาดได้ทดลองใช้กันอีกเช่นเคย โดยคัดสรรกลุ่ม Generative AI ที่สามารถสร้าง ข้อความ, ภาพ, เสียง, วิดีโอ ได้ผ่านการพิมพ์ Prompt ความต้องการของเราลงไปไม่กี่คำเท่านั้น
1. ChatGPT
กล่าวได้ว่าเป็นเครื่องมือที่จุดกระแสความนิยมการใช้งาน AI สำหรับคนทั่วไป ที่สามารถช่วยงานได้หลากหลายสาขาอาชีพ เพียงพูดคุย สอนข้อมูลที่จำเป็นระหว่างการสนทนา และตั้งคำถาม ซึ่งรองรับทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ถ้าอยากรู้ว่าสามารถช่วยงานการตลาดออนไลน์อย่างไรได้บ้าง เราลองถามเจ้าตัวเลยดีกว่า
2. Canva – Magic Design และ Magic Writing
เครื่องมือทำรายงานและออกแบบที่นิยมในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา Gen Z ซึ่งเพิ่งมีอัพเดทครั้งใหญ่ เพิ่มโหมด “Magic Design” และ “Magic Writing” ที่สามารถช่วยนักการตลาดทำ Artwork ภาพหรือวิดีโอพร้อมร่างข้อความลงสื่อโซเชียลต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่อัพโหลดรูปที่ต้องการลงไป แล้วระบบจะจัด Template ที่เหมาะกับภาพที่อัพโหลดให้โดยอัตโนมัติ ที่สำคัญรองรับภาษาไทยด้วย
3. Simplified
เป็นเครื่องมือที่แนะนำกันในต่างประเทศ โดยเน้นเฉพาะสำหรับการทำการตลาดออนไลน์มากขึ้น มีความสามารถในการช่วยเขียน Script การถ่ายทำ Tiktok, เขียน Content เลือกรูปภาพวางให้เหมาะกับขนาดสื่อบนโซเชียลต่าง ๆ โดยมีสื่อให้เลือกใช้ครบถ้วนทั้งภาพ วิดีโอ เสียงพากย์ AI เพลงประกอบ และเครื่องมือตัดต่อวิดีโอบนเว็ปไซต์ได้เลย โดยอีกฟังก์ชันที่แนะนำคือ AI Presentation ที่สร้างพรีเซ็นต์การตลาดนับสิบหน้า ด้วยการอธิบายเพียงประโยคเดียว แต่ได้ผลลัพธ์ที่ใช้ต่อยอดได้เลย
4. Bing Image Creator
หากเคยคุ้ยเคยกับ Midjourney กันมาบ้างแล้ว ขอแนะนำเครื่องมือทางเลือกสำหรับสร้างภาพจากทาง Microsoft ที่เปิดให้ใช้งานฟรี โดยสร้างตัวเลือกให้ครั้งละ 4 ภาพ ในสัดส่วน 1:1 ซึ่งจากการใช้งานพบว่า สามารถสร้างงาน Concept Artwork ที่เกี่ยวกับโฆษณาออกมาตามสไตล์ของสื่อโซเชียล หรือ e-commerce ที่ระบุได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
5. Copy.ai
เครื่องมือสำหรับนักการตลาดสาย Copy Writer โดยเฉพาะ มีการผสมผสานระบบ Chat กับ AI เพื่อการรวบรวมข้อมูลก่อนเริ่มเขียนบทความ และมี Prompt สำเร็จรูปเตรียมไว้ให้สำหรับงานคอนเทนต์ที่เรียกได้ว่าทุกรูปแบบ ตั้งแต่ เว็ปไซต์, ข่าว, โพสต์บนสื่อโซเชียล, ข้อมูลบริษัท, ข้อมูลผลิตภัณฑ์, โฆษณา, อีเมลการตลาด
สรุปการใช้เครื่องมือ AI ทำการตลาดออนไลน์
เมื่ออ่านถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่านักการตลาดหลาย ๆ ท่าน คงได้ลองใช้เครื่องมือ AI ดูไปบ้างแล้ว และสัมผัสได้ถึงประโยชน์และโอกาสใหม่ ๆ ที่เครื่องมือเหล่านี้สร้างขึ้นมา ทั้งการช่วยสร้างไอเดียใหม่ แนะนำวิธีที่ไม่เคยนึกถึง เคยใช้เวลาในการคิดมากกว่านี้ หรือช่วยนำความคิดในหัวมาทำให้กลายเป็นรูปภาพ เพื่อนำไปใช้คุยกับครีเอทีฟ, กราฟิก หรือลูกค้าให้เข้าใจไอเดียได้ง่ายขึ้น
ซึ่งทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเครื่องมือ MarTech สาย AI เท่านั้น เราอาจยังต้องปรับแต่งสิ่งที่ AI สร้างออกมาอีกพอสมควรกว่าจะนำไปใช้งานได้จริง แต่ RealSmart ในอีกไม่กี่ปี ทุกท่านจะได้เห็นนวัตกรรม AI marketing ที่ใช้งานได้จริงทันทีและตอบโจทย์นักการตลาดอีกมากมาย ต้องคอยติดตามกันนะครับ