Social Listening VS Google Trends เทียบกันหมัดต่อหมัด Insights ที่ได้ต่างกันขนาดไหน?
เมื่อเราต้องการหาอะไรในโลกออนไลน์ สิ่งแรกที่เราทำคือการ search หาข้อมูลบน browser หรือ application ต่าง ๆ ข้อมูลการค้นหาจากผู้ใช้งานเหล่านี้จะถูกเก็บไว้กับผู้ให้บริการแต่ละราย และเมื่อพวกเขานำข้อมูลมาร้อยเรียงกันเพื่อวิเคราะห์ ก็จะเห็นเทรนด์ของผู้ใช้งานออกมา ทำให้สามารถนำ Insights ไปปรับใช้ในการนำเสนอโฆษณา หรือต่อยอดบริการอื่น ๆ ต่อไป
ตัวอย่างที่กล่าวมา เป็นสิ่งที่ Google ทำบน Google Search, Google Maps, YouTube เป็นต้น ซึ่ง Google ได้นำเสนอเครื่องมือทางการตลาดสำหรับตรวจสอบความนิยมของคำค้นหา ที่เรียกว่า Google Trends ให้ทั้งนักการตลาดและผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้กันแบบฟรี ๆ มาตั้งแต่ปี 2008 เลยทีเดียว
ต่อมาเมื่อเกิดการขยายตัวของ Online Platform เพิ่มมากขึ้น ทำให้มี Social Listening Tool เกิดขึ้นเพื่อเก็บข้อมูลและตรวจสอบความนิยมของการพูดถึงบนโลกออนไลน์ ซึ่งฟังดูแล้วก็มีความคล้ายคลึงกับ Google Trends ไม่ใช่เหรอ?
บทความนี้ RealSmart จะสรุปให้ฟังว่า ระหว่าง Social Listening กับ Google Trends นั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร
ทำไม Social Listening ส่วนใหญ่ถึงเก็บค่าบริการ แต่จำนวนบริษัทหรือนักการตลาดที่ใช้งานกลับเพิ่มขึ้นทุกปี? หรือจะมี Insight อะไรที่เหนือกว่าซ่อนอยู่แล้วพวกเขาไม่บอกเรากัน?
เลือกอ่านตามหัวข้อ
Social Listening และ Google Trends เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
จะเทียบ Insight ของ Social Listening VS Google Trends ได้อย่างไร?
Insights ที่ได้จาก Features ของ Social Listening และ Google Trends แบบหมัดต่อหมัด
1. กำลังมาแรง (Trending searches)
2. การค้นหา หน้าสำรวจ (Explore)
3. ระดับความสนใจตลอดเวลาที่ผ่านมา (Interest over times)
4. ความสนใจตามรัฐ/จังหวัด/ภูมิภาคย่อย (Interest by regions)
5. หัวข้อและคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง (Search Topics & Search Queries)
สรุปแล้ว Social Listening VS Google Trends เครื่องมือไหนดีกว่ากัน?
Social Listening และ Google Trends เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
อย่างที่เคยอธิบายในบทความครั้งก่อนว่า Social Listening หรือ Social Listening Tool คือ เครื่องมือทางการตลาดที่มีหน้าที่เก็บข้อมูลจากหลาย ๆ Online Platform ในรูปแบบ ข้อความ, ภาพ, วิดีโอ หรือ Hashtag ต่าง ๆ
ซึ่งหากเทียบการใช้งานกับ Google Trends แล้ว มีความเหมือนกันบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น
- สามารถรวบรวมข้อมูลออนไลน์และนำมาแสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อการวิเคราะห์เทรนด์และ Insight
- สามารถเลือกตัวกรอง เช่น ช่วงเวลา, ตำแหน่ง, ประเภท ในการช่วยวิเคราะห์ได้
- สามารถเปรียบเทียบระหว่างคำหรือเรื่องที่สนใจได้
แต่ในด้านรายละเอียดนั้นมีความแตกต่างกันอยู่มาก ยกตัวอย่างเช่น
- Social Listening เก็บ “ข้อมูลการพูดถึง” ส่วน Google Trends เก็บ “ข้อมูลคำค้นหา”
- Social Listening เก็บข้อมูลได้จากข้อความ ภาพ วิดีโอ ส่วน Google Trends เก็บได้จากข้อความ
- Social Listening มีระบบจัดกลุ่ม คัดกรองข้อมูลเพิ่มเติมได้ ส่วน Google Trends เป็นระบบอัตโนมัติ
- Social Listening สามารถดูลิงค์ข้อมูลต้นทางได้เลย ส่วน Google Trends สามารถดูได้เพียงข้อมูลสรุป
จะเทียบ Insight ของ Social Listening VS Google Trends ได้อย่างไร?
เพื่อให้เห็น Insight ชัดๆ แบบเทียบกันหมัดต่อหมัดได้ เราจะใช้ Google Trends เป็นตัวตั้งต้น เนื่องจากตัวเครื่องมือสามารถแสดงข้อมูลได้จำกัดกว่า Social Listening โดย Features ที่ Google Trends มีสามารถแบ่งเป็นหัวข้อได้ดังนี้
1. กำลังมาแรง (Trending Searches)
2. การค้นหา หน้าสำรวจ (Explore)
3. ระดับความสนใจตลอดเวลาที่ผ่านมา (Interest Over Times)
4. ความสนใจตามรัฐ/จังหวัด/ภูมิภาคย่อย (Interest by Regions)
5. หัวข้อและคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง (Search Topics & Search Queries)
จากนั้นเราจะใช้คำทดสอบเดียวกัน แล้ว Screenshot ผลลัพธ์ที่ Google Trends ได้ เทียบกับเครื่องมือ Social Listening เพื่อนำมาเปรียบเทียบ Insight ที่แสดงผลออกมา
Insights ที่ได้จาก Features ของ Social Listening และ Google Trends แบบหมัดต่อหมัด
1. กำลังมาแรง (Trending Searches)
Social Listening – สามารถดูข้อมูลเทรนด์ในแต่ละวันหรือตามช่วงเวลา โดยแบ่งตาม Social network, Webboard, รวมถึง Google search และสามารถกดเพื่อดูรายละเอียดต่อได้
Google Trend – สามารถดูข้อมูลเทรนด์ในแต่ละวันและวันในอดีตได้ โดยสามารถดูรายละเอียดคำค้นหา หรือข่าวที่เกี่ยวข้องของแต่ละลำดับได้อีกด้วย
2. การค้นหา หน้าสำรวจ (Explore)
Social Listening – สามารถใส่คำค้นหาหลายคำพร้อมกันเพื่อดึงเฉพาะการพูดถึงที่ตรงตามเงื่อนไข ปรับช่วงเวลาได้ตามระยะเวลาที่เก็บข้อมูล แสดงผลได้หลากหลายมุมมอง เช่น จำนวนการพูดถึง (Mention) หรือการมีส่วนร่วม (Engagement) และมีระบบการคัดกรองที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น เลือก Online Channel, Sentiment, ประเภทของข้อความ, ภาษา, Tag ที่กำหนดไว้
Google Trend – สามารถใส่คำค้นหาสูงสุด 5 คำ เพื่อนำมาเปรียบเทียบแยกกัน ปรับช่วงเวลาเริ่มได้ตั้งแต่ 2004 มีระบบคัดกรองที่หลากหลาย เช่น ประเทศ, หมวดหมู่, แหล่งที่ค้นหาจากบริการของ Google
3. ระดับความสนใจตลอดเวลาที่ผ่านมา (Interest Over Times)
Social Listening – สามารถดูจำนวนข้อมูลตามช่วงเวลาที่เก็บข้อมูล นำมาแสดงเป็นกราฟเปรียบเทียบตามคำที่สนใจได้ โดยสามารถปรับแสดงผลได้หลากหลายมุมมอง เช่น จำนวนการพูดถึง (Mention) หรือการมีส่วนร่วม (Engagement) และมีกราฟแสดงสัดส่วนอื่น ๆ อีก เช่น Keyword, Online Channel, Sentiment
Google Trend – สามารถดูระดับข้อมูลที่ Google สรุปเป็นค่า 0-100 ตามช่วงเวลาที่ต้องการเริ่มตั้งแต่ 2004 นำมาแสดงเป็นกราฟเปรียบเทียบได้สูงสุด 5 คำ แสดงเป็นกราฟแท่งระดับรวม และกราฟเส้นระดับตามเวลา
4. ความสนใจตามรัฐ/จังหวัด/ภูมิภาคย่อย (Interest by regions)
Social Listening – สามารถดูจำนวนข้อมูลตามช่วงเวลาที่เก็บข้อมูลและมีการระบุตำแหน่ง นำมาแสดงบนแผนที่และกราฟแบ่งเป็นสัดส่วนหรืออันดับการพูดถึงได้
5. หัวข้อและคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง (Search Topics & Search Queries)
Social Listening – การหาหัวข้อและคำค้นหาที่เกี่ยวข้องนั้น จะทำได้ด้วยมุมมอง Wordcloud ของกลุ่มคำ หรือ Hashtag ที่อยู่ในข้อความ โดยแสดงปริมาณตามขนาดตัวอักษร หรือจะดูอันดับในรูปแบบกราฟอื่น ๆ ก็ทำได้เช่นกัน
Google Trend – สามารถดูหัวข้อและคำค้นหาที่เกี่ยวข้องได้ 25 อันดับ โดยเรียงระดับข้อมูลที่ Google สรุปเป็นค่า 0-100 เลือกดูเป็นแนวโน้ม “มาแรง” ที่เทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้าว่าโดดเด่นขึ้นกี่ % หรือ “ยอดนิยม” ที่เรียงจากระดับสูงสุดลงมา
สรุปแล้ว Social Listening VS Google Trends เครื่องมือไหนดีกว่ากัน?
จะเห็นได้ว่า Insights จากทั้ง 2 เครื่องมือที่ออกมาในแต่ละ Features นั้นมีความโดดเด่นไม่เหมือนกัน
โดย Social Listening สามารถให้มุมมองที่ยืดหยุ่นและควบคุมตัวกรองได้มากกว่า ไม่มีการจำกัดตัวเลือกหรือจำนวนที่ใช้งาน และยังดูข้อมูลได้หลากหลายช่องทางกว่าอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องอาศัยการ Set up และคัดกรองข้อมูลในระดับหนึ่ง ถึงจะได้ Insight ทางการตลาดที่แม่นยำ
ในขณะที่ Google Trends มีจุดเด่นที่ระยะเวลาข้อมูลที่ถูกเก็บไว้อย่างยาวนานตั้งแต่ 2004 ไม่ต้อง Set up การเก็บข้อมูลด้วยตัวเอง มีหน้าตาการใช้งานและควบคุมได้ง่าย และบาง Features ได้ Insight ที่ลึกกว่าเพราะเป็นการแสดงข้อมูลจากผู้ให้บริการโดยตรงอย่าง Google นั่นเอง แต่ก็ไม่สามารถคัดกรองข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องได้เอง และไม่รู้จำนวนหรือปริมาณที่แม่นยำเพื่อนำไปใช้อ้างอิง
ดังนั้น หากต้องการ Insight ของเรื่องหรือตำแหน่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว Google Trends จะดีกว่าในจุดนี้ แต่หากต้องการค้นหา Insight เชิงลึก อย่างช่องทางหรือเหตุผลที่ทำให้เกิดเทรนด์ของเรื่องนั้น ๆ Social Listening จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าอย่างแน่นอน
และหากนักการตลาดท่านใดสนใจเครื่องมือหรือบริการ Social Listening โดยทีมงานคนไทยที่มีประสบการณ์โดยตรงมาอย่างยาวนานทั่วทุกอุตสาหกรรม สามารถดูรายละเอียดของ Real Listening หรือติดต่อกับทีมงาน RealSmart ได้เลย สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่าน Happy Listening !