หลังจากที่ทางกระทรวงสาธารณสุขประกาศปลดล็อก “กัญชา” พ้นจากยาเสพติดให้โทษเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ และสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น ดอก ช่อ ใบ และส่วนต่าง ๆ ของต้นมาใช้กับสิ่งต่าง ๆ ได้ เช่น ปรุงในอาหาร เป็นต้น ทำให้เป็นที่สนใจของคนไทยในโซเชียลอย่างมาก เชื่อว่าทุกคนคงจะได้เห็นแถวที่ยาวรอคิวซื้อกัญชาที่ร้านต่าง ๆ แต่ว่าการปลดล็อกกัญชานั้นสร้างกังวลให้กับคนไทยไม่น้อย ทั้งในเรื่องของกลิ่นในอากาศ เด็กและเยาวชนที่อาจริลองก่อนวัย จนถึงคนที่แพ้สาร THC ในกัญชาที่ได้นำมาปรุงในอาหารจนเป็นข่าว และประเด็นอื่น ๆ ในโลกออนไลน์

Real Smart ได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ผ่าน Social Listening ในประเด็นการปลดล็อกกัญชาในครั้งนี้ทั้งในส่วนของมุมมอง ความรู้สึก ความคิดเห็น และเจาะลึกลงในประเด็นต่าง ๆ ที่ได้รับความสนใจจากคนไทยในโลกออนไลน์มาวิเคราะห์และมาเล่าให้ทุกคนได้เข้าใจกัน มาเริ่มกันเลย

หลังจากที่ Real Smart ได้รวบรวมข้อมูลผ่าน Social Listening พบความเห็นของคนไทยในประเด็นปลดล็อกกัญชาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่เห็นด้วย และกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย

กลุ่มคนที่เห็นด้วยมองว่ากัญชาสามารถนำมาใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ 

ในส่วนของกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยนั้นกลัวลูกหลานเสพติดกัญชาจนเกิดเป็นปัญหาครอบครัว และอยากให้โรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดกัญชาไม่ควรนำปรุงอาหารและเสพในโรงเรียนได้ รวมถึงควรรีบออกกฎหมายกับร้านอาหารที่นำกัญชามาเป็นส่วนผสมนั้นต้องได้รับการอนุญาตและควบคุมปริมาณที่เหมาะสม ควรมีป้ายหน้าร้านเพื่อป้องกันคนท้อง คุณแม่ให้นมลูก หรือผู้ป่วยที่อาจเกิดความเสี่ยงได้จากการทานเข้าไป

จากความเห็นส่วนใหญ่เราจะเห็นเลยว่าคนไทยยังมีความกังวลอยู่มากเลยทีเดียวเนื่องจากอาจเป็นเพราะคุ้นเคยกับการที่กัญชานั้นเป็นยาเสพติดให้โทษกันมานาน และเคยเห็นคนเสพติดกันเยอะทำให้ความคิดเห็นส่วนใหญ่หนักไปทางไม่เห็นด้วยมากกว่า

เจาะลึกในประเด็นที่ถูกพูดถึงและให้ความสนใจจากคนไทยในโลกออนไลน์

จากข้อมูลที่ Real Smart รวบรวมผ่าน Social Listening มานั้นพบประเด็นเกี่ยวกับกัญชาที่ได้รับความสนใจจากคนไทยในโลกออนไลน์อยู่ 3 ประเด็น คือ ออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชา โรงเรียนปลอดกัญชา และการจดทะเบียนปลูกกัญชา ที่นี่เรามาเจาะลึกไปทีละประเด็นกัน

“ออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชา”

พบความคิดเห็นเชิงบวก (Positive Sentiment) 10% ที่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายมาควบคุมเรื่องกัญชา 

ต่อมาความคิดเห็นทั่วไป (Neutral Sentiment) 33% แสดงความกังวลอยากให้เจ้าหน้าที่มาดูแลประชาชนควบคุมปริมาณการใช้กัญชาในร้านอาหาร และควรมีนโยบายควบคุมกัญชาในสถานบันเทิงและโรงเรียนอย่างเข้มงวด

สุดท้ายในส่วนความคิดเห็นเชิงลบ (Negative Sentiment) 57% บอกว่าพบข่าวที่มีผู้เสียชีวิตเพราะเสพกัญชามากขึ้น และมองว่าวัยรุ่นมาหันมาลองกัญชากันมากขึ้นกลายเป็นปัญหาในครอบครัวพ่อแม่เดือดร้อน 

“โรงเรียนปลอดกัญชา”

พบความคิดเห็นเชิงบวก (Positive Sentiment) 53% ผู้ปกครองเห็นด้วยกับนโยบายโรงเรียนปลอดกัญชา

ในส่วนของความคิดเห็นทั่วไป (Neutral Sentiment) 27% บอกว่าอยากให้มีกฎหมายออกมาควบคุมโดยเร็ว และต้องมีเจ้าหน้าที่คอยเป็นหูเป็นดูแลเด็กนักเรียนในโรงเรียนเพราะกังวลว่าเด็กนักเรียนอยากทดลองเสพกัญชาจนเกิดภาพหลอนได้

สุดท้ายความเห็นเชิงลบ (Negative Sentiment) 20% บอกว่ากลัวลูกหลานติดกัญชาจนไม่ไปโรงเรียนพ่อแม่ต้องเดือดร้อนคอยมาดูแล

“การจดทะเบียนปลูกกัญชา”

พบความคิดเห็นเชิงบวก (Positive Sentiment) 30% ประชาชนให้ความสนใจซื้อกัญชาปลูกกันที่บ้าน ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายใบกัญชา

ในส่วนของความคิดเห็นทั่วไป (Neutral Sentiment) 40% มองว่าอยากให้มีแหล่งรับซื้อขายกัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และต้องจำกัดจำนวนการปลูกแต่ละต้องให้เท่ากัน

สุดท้ายในส่วนความคิดเห็นเชิงลบ (Negative Sentiment) 22% ถ้าทุกบ้านปลูกกัญชาอาจทำให้ราคากัญชาถูกลงเยอะ ทำให้ไม่มีกำไร

ในส่วนของ Top Engagement พบว่าช่องทางที่คนไทยให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นการปลดล็อกกัญชานั้นส่วนใหญ่จะเป็นช่องทาง Twitter  เป็นหลักเนื่องจากเป็นช่องทางที่เกิดกระแสรวดเร็วจนสามารถข้ามไปยังช่องทางอื่น ๆ ได้อีก รวมถึง Facebook และ YouTube ยังคงได้รับ Engagement สูงเช่นกัน

Top #Hashtag ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับประเด็นการปลดล็อกกัญชานั้นมีอยู่มากมาย แต่ที่เห็นได้ชัดเจนที่เป็นภาษาไทย #กัญชาเสรี  #กัญชา  #กัญชาออแกนิค  และอื่น ๆ หากใครสนใจสามารถไปตามดูใน Hashtag เกิดขึ้นได้เช่นกัน  

ไว้ครั้งหน้า RealSmart จะนำเอา Data มาวิเคราะห์แล้วนำมาเล่าให้ฟังอีก  หากใครสนใจเทรนด์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อย่าลืมกดติดตาม RealSmart กันไว้นะ เพราะข้อมูลดี ๆ ต้องที่ Real Smart เท่านั้น