Skip links

บัตร และบัญชีธนาคารโดนแฮก เกิดอะไรขึ้น?

กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ผู้ที่มีบัญชีธนาคารถูกเหล่ามิจฉาชีพสุ่มแฮกบัญชีธนาคาร ทำให้มียอดถูกหักออกไปทีละน้อยๆ แต่หลายครั้ง ทั้งยอดยิงบอท ซื้อสินค้า และบริการต่างประเทศ พบความเสียหายกว่า 17,000 บัตร เป็นบัตรเดบิต 30 ล้านบาท บัตรเครดิต 100 ล้านบาท ยอดรวมทั้งหมดนั้นสูงมาก

ประเด็นนี้เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะว่าธนาคารที่ควรจะต้องมีความปลอดภัยสูง แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ละ Real Smart ได้ใช้ Social listening tools สำรวจเรื่องนี้ว่าคนไทยพูดถึงอย่างไรในโลกออนไลน์บ้าง…มาดูกัน

วันที่ 17 ตุลาคม 2564 เริ่มมีบัญชีธนาคารหลายคนถูกแฮกหักเงินออกจากบัญชีออกไป ทางเพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา พูดถึงเรื่องนี้ จนกลายเป็นที่สนใจ ต่อมาเพจ Drama – Addict ได้แชร์ว่ามีคนถูกแฮกบัญชีธนาคารมากกว่า 1 หมื่นรายแล้ว ยิ่งทำให้เป็นที่จับตามมองมากขึ้นอีก

ในวันที่ 18 – 19 ตุลาคม 2564 เพจ สรยุทธ ออกมาแชร์เรื่องเจ้าของบัญชีธนาคารรายหนึ่งถูกหักเงินออกไปถึง 639 ครั้ง นอกจากนั้นยังได้สรุปยอดที่บัญชีธนาคารถูกตัดเงินผิดปกติ มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท  ในเวลาต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมาพูดถึงในกรณีบัญชีธนาคารถูกแฮก อาจเกิดจาก SMS ที่ส่ง การหลอกถามข้อมูล และอื่นๆ ทางเพจ Off Chainon ออกมาบอกว่ามีคนถูกแฮกหักเงินจากบัญชีสูงถึง 749 ครั้ง ยอดรวมสูงถึง 20,000 บาท 

วันที่ 20 – 21 ตุลาคม 2564 หลายเพจใน Facebook ออกมาแนะนำวิธีป้องกันการแฮกบัตรเครดิต เดบิต และบัญชีธนาคาร อีกทั้งมีการคาดเดาถึงวิธีการของมิจฉาชีพทำการแฮกข้อมูล และดูดเงินจากบัญชีธนาคารออกไป

ช่องทางที่มีผู้คนพูดถึงมากที่สุด

โดยรวมมีคนพูดถึงในโลกออนไลน์ 1.6 ล้านเมนชั่น นั้นหมายความว่ามีคนสนใจ และพูดถึงเรื่องนี้ในทุกๆ ช่องทางบนโซเชียล ทั้ง Twitter, Facebook, YouTube และ News 

.

3 อันดับ ช่องทางที่พูดคุยการถูกแฮกบัตรเครดิตและบัตรเดบิต

เรามาเจาะลึกลงไปใน 3 ช่องทางที่คนในโลกออนไลน์พูดถึงเรื่องถูกแฮกบัตรเครดิต และเดบิตกัน ในช่องทางทั้ง Twitter , Facebook, YouTube นั้นมีการพูดคุยไปในทิศทางเดียวกัน มีกระแสโจมตีอย่างหนัก ในเรื่องของเงินถูกหักออกจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว บางคนไม่ได้ผูกบัตรกับแอปพลิเคชันก็ยังโดนไปด้วยเช่นกัน รวมถึงมีการพูดถึงวิธีการยกเลิกบัตรที่ผูกกับแอปพลิเคชันต่างๆ มีประชาชนทยอยเข้าแจ้งความ เพราะมีธนาคารที่ไม่รับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น

มาดูความรู้สึกในประเด็นเรื่อง ถูกแฮกบัตรเครดิต และเดบิต ในโลกออนไลน์

โดยทาง Real Smart สรุปออกมา 3 ประเด็น ดังนี้ 1.ธนาคารต้องออกมารับผิดชอบ 2.ไม่ได้ผู้บัตรกับแอพพลิเคชั่นอื่น แต่เงินหาย 3.ความปลอดภัย เงินหายจากบัญชี

ธนาคารต้องออกมารับผิดชอบ

“ธนาคารต้องออกมารับผิดชอบ” ในเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้สึกดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ Positive sentiment หรือความคิดเห็นเชิงบวก = 0% ความเห็นส่วนใหญ่เป็นไปในเชิง ลบถึง 85% โดยมีความเห็นว่าธนาคารออกมารับผิดชอบช้า ไม่ชี้แจงประเด็นที่เกิดขึ้น จนทำให้ทุกคนไม่เชื่อมั่นในระบบความปลอดภัยของธนาคาร และมีความกังวลว่าในอนาคตจะเกิดอีก พร้อมทั้งมีผู้เสียหายถามถึงเรื่องการคืนเงินที่ถูกหักออกไปจากบัญชีธนาคาร

ไม่ได้ผูกบัตรกับแอปพลิเคชันอื่นแต่เงินหาย

ในส่วนประเด็นที่ว่าหลายคน “ไม่ได้ผูกบัตรกับแอปพลิเคชันอื่น แต่เงินยังถูกดูดออก” ยิ่งสร้างความกังวลอย่างมาก หลายความเห็นเป็นในเชิง negative ถึง 81% เกี่ยวกับความกังวลถึงประสิทธิภาพของระบบธนาคาร โดยที่ไม่มีความคิดเห็นเชิง Positive เกี่ยวกับประเด็นนี้เช่นกัน

“ความปลอดภัย เงินหายออกจากบัญชี”

“ความปลอดภัย เงินหายจากบัญชี” หลังจากที่เงินของประชาชนหายไป ทำให้ภาพลักษณ์ที่ดีต่อธนาคารลดลงอย่างมาก โดยมีความคิดเห็นเชิงลบที่ 64% เนื่องจากธนาคารไม่มีความปลอดภัย กระทรวงดิจิทัลแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนก็ไม่ได้ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ทำงาล่าช้า ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร  พร้อมทั้งมีผู้เสียหายสอบถามกรณีเงินหาย และได้มีการแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีการตั้งคำถามในโทน Neutral เกี่ยวกับกรณีเงินหาย และแชร์ประสบการณ์อยู่ที่ 36%

.

มาดู Top 3 ในช่องทาง Facebook ที่ได้ยอด Engagement สูงสุด 3 อันดับแรกกัน

.

เมื่อพิจารณาดีๆ 3 เพจ Facebook ที่ได้รับยอด engagement เยอะที่สุด จะเป็นสายดราม่า เจาะลึกประเด็น แชร์เรื่องราวที่เกิดใหญ่ในสังคมที่เป็นในเรื่องความผิดพลาด ความเสียหายต่อสังคม และประชาชน

มาดู Top 3 ในช่องทาง YouTube ที่ได้ยอด Engagement สูงสุด 3 อันดับแรกกัน.

ปัจจุบันนี้พฤติกรรมของส่วนใหญ่นั้นเสพข่าวจากช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทั้ง 3 ช่องทางนี้ได้นำเสนอข่าวเรื่องราวการถูกแฮกบัญชีธนาคาร เงินหายออกไปแบบไม่รู้ตัว และนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องของสถานการณ์ การดำเนินงานของธนาคาร และหน่วยงานต่างๆ

#Hasgtag ที่เกิดขึ้น

เรื่องราวที่เกิดขึ้นย่อมมี #Hashtag ตามมาในช่องทางต่างๆ ที่เราเห็นได้ชัดเจนคือ #ธนาคาร #ประเทศ #บัตร #บัญชี และอื่นๆ 

จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเราสามารถเห็นถึงความรู้สึกในเรื่องที่เกิดขึ้น หลายคนเริ่มไม่มีความเชื่อมั่นในธนาคาร ระบบความปลอดภัย ความรับผิดชอบต่อประชาชน จนเป็นกระแสด้านลบในเรื่องนี้แบบเต็มๆ  ตอนนี้ทางธนาคารได้ออกมารับผิดชอบเงินที่ถูกแฮกทั้งหมด และทำการคืนเงินทั้งหมดให้ผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้เพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยในสูงขึ้นมากกว่าเดิม